วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 10 การใช้โปรแกรมเสริมสร้างไฟล์วิดีโอ

รูปแบบการบีบอัดไฟล์วีดีโอ MPEG

ไฟล์วีดีโอ MPEG ย่อมาจาก Moving Picture Experts Group โดยอ่านออกเสียงว่า m-peg ( เอ็ม-เปค) โดยเป็นรูปแบบของการบีบอัดไฟล์ภาพวีดีโอซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นมาตรฐานโดยกลุ่มนี้ ซึ่งรูปแบบไฟล์วีดีโอที่ได้รับการบีบอัดในแบบ MPEG จะมีคุณภาพในการแสดงภาพที่ดีกว่าวีดีโอโดยไฟล์ในรูปแบบ MPEG จะถอดรหัสโดยใช้ความสามารถของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ โดยไฟล์วีดีโอในแบบ MPEG ได้รับการบีบอัดโดยใช้หลักการบีบอัดจากอัตราการเล่นภาพเป็นเฟรมๆ แทนที่จะบันทึกภาพในทุกๆเฟรมซึ่งทำให้ต้องใช้เนื้อที่ในการเก็บมาก การบีบอัดไฟล์แบบ MPEG ได้รับการบีบอัดข้อมูลโดยการเข้ารหัสที่เรียกว่า DCT โดยไฟล์ในแบบ MPEG อาจมีการสูญเสียข้อมูลบางส่วนจากการบีบอัด แต่ก็เป็นส่วนน้อยมากโดยที่ตาเรามองไม่เห็นและไม่สามารถสังเกตได้ รู้จักกับรูปแบบการบีบอัดไฟล์ในมาตรฐาน MPEG 3 รูปแบบ คือ MPEG- 1 , MPEG- 2 และ MPEG- 4
MPEG-1
เรียกกันง่ายคือ Video CD • โดยปกติแล้วการรับชมภาพยนตร์จากแผ่นซีดี หรือที่เรียกกันติดปากว่าวีดีโอซีดี ( VCD) นั้น จะเป็นรูปแบบการบีบอัดไฟล์ในมาตรฐาน MPEG- 1 ที่มีความละเอียดของภาพที่ 352 X 240 ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ( fps) ซึ่งเปรียบได้กับคุณภาพการแสดงผลวีดีโอแบบ VCR video
MPEG-2
เข้าใจง่าย ๆ คือ DVD• ถัดมา เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการบีบอัดไฟล์ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีการบีบอัดมากขึ้น MPEG- 2 มีความละเอียดมากขึ้น นั่นหมายถึงภาพที่ออกมามีสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นเท่ากับ 720 x 480 และ 1280 x 720 ที่ 60 fps โดยคุณภาพเสียงเทียบเท่ากับซีดี ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นที่ยอมรับและสามารถเล่นบนหน้าจอโทรทัศน์ในรูปแบบมาตรฐาน NTSC หรือแม้แต่ HDTV ได้ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว รูปแบบ MPEG- 2 เป็นรูปแบบของวีดีโอในแผ่น DVD-ROM โดยรูปแบบ MPEG- 2 สามารถบีบอัดไฟล์วีดีโอความยาว 2 ชั่วโมงได้โดยใช้ขนาดไฟล์ในการบันทึกเพียง 2 – 3 กิ๊กกะไบท์เท่านั้น ในขณะเดียวกันการอ่านค่ารหัสไฟล์ MPEG- 2 ต้องการเทคโนโลยีที่รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอในรูปแบบนี้ด้วย ซึ่งไฟล์ MPEG- 2 ต้องใช้เทคโนโลยีในการเข้ารหัสที่สูงกว่า MPEG-1
Layer -3
มาถึงรูปแบบของไฟล์อีกแบบ หลายๆคนอาจสงสัยว่าทำไมเป็น MPEG 1 , 2 แล้วข้ามมาที่เลข 4 เลย แล้ว MPEG-3 ล่ะ อันที่จริงแล้ว MPEG -1 Layer- 3 ที่เราเรียกว่า MP 3 หลายๆคนคงถึงบางอ้อว่าเป็นรูปแบบการบีบอัดข้อมูลเสียง นั่นคือเพลงในรูปแบบ MP 3 นั่นเอง
MPEG-4
ส่วนรูปแบบของ MPEG- 4 นับว่าเป็นรูปแบบที่ทันสมัยโดยใช้หลักการบีบอัด การเข้ารหัสกราฟิกและวีดีโอในแบบอัลกอริทึ่ม ที่ได้รับการพัฒนามาจาก MPEG- 1 และ MPEG- 2 และเทคโนโลยีของ Apple QuickTime โดยไฟล์ที่ได้รับการบีบอัดในรูปแบบ Wavelet-based MPEG- 4 จะมีขนาดเล็กกว่า JPEG หรือไฟล์ QuickTime ซึ่งเป็นผลมาจากการลดขนาดช่วงกว้างของแบนด์วิท และรวมเอาไฟล์วีดีโอกับข้อความ กราฟิกเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังได้รวมเอาแอนิมาชั่น 2- D และ 3- D ไว้ด้วย รูปแบบไฟล์ MPEG- 4 ถือว่าเป็นมาตรฐานในเดือนตุลาคม 1998 โดยการรับรองจาก ISO/IEC เลขที่ 14496